Tuesday, May 24, 2005

 

Pavlov's Dog

ทันที่พาฟลอฟสั่นกระดิ่ง...สัมผัสอันคุ้นเคยของกลิ่นเนื้อที่ฝังอยู่ในความทรงจำก็ขับให้น้ำลายท่วมปากของเจ้าหมาทดลอง
ทันทีที่เพลงชาติดังขึ้น...สัมผัสอันคุ้นเคยของ "คำว่า" ความรักชาติก็ขับให้ร่างกายของพวกเขาตั้งตรงขึ้น
ทันทีที่ "เสียงกระดิ่ง" ที่เรียกว่า "เพลงชาติ" ดังขึ้น...กลิ่นเนื้ออันหมายถึง "คำว่า" ความรักชาติที่ฝังอยู่ในหัวก็ทำให้ "น้ำลาย" ที่เรียกว่า "การยืนตรงเคารพธงชาติ" ไหลออกมา
เคารพธงชาติกันเหมือนหมาของพาฟลอฟ...
ผมเห็นผู้คนสมัยนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ
อย่างน้อยก็ในสังคมเล็กๆที่ผมฝังตัวอยู่...
สังคมเล็กๆที่เรียกว่าคอมม่อนรูมที่ผมนิยมจะไปฝังตัวอยู่

"เอ้า พี่ ทำไมไม่ยืน"
ประโยคที่ผ่านไปนั้นไม่มีเครื่องหมายคำถาม...
เพราะมันไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่งว่า...ยืนขึ้นสิไอ้อ้วน!!
ผมรู้สึกว่าหมาของพาฟลอฟตัวนั้นได้กลับมาเกิดอีกครั้งในร่างของมนุษย์สาววัยกระเตาะตรงหน้าของผม...
และยังแบ่งภาคสู่มนุษย์อีกมากมายที่กำลังแสดงอาการน้ำลายสอออกมาในรูปของการยืนตรงทำในสิ่งที่พวกมัน(พวกเขา)เชื่อว่าคือการเคารพธงชาติ
"ยืนสิ เร็ว กลับตัวกลับใจสังคมยังให้อภัยนะ"
หมาน้อยตรงหน้ายังพยายาม...
และพยายามชวน(ให้ผม)เชื่อว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นั้นช่างน่าอับอาย
เธอพูดเสียงดัง...ราวกับหวังให้คนอื่นๆหันมามอง
เธอพูดเสียงดัง...ราวกับหวังว่าผมจะได้อาย
หน้าไม่อาย...
ผมหมายถึงเธอ...หน้าไม่อาย
ผมมองไม่เห็นว่าการยืนตรงเคารพธงชาติของเธอนั้นต่างจากการกล่าวสวัสดีขอบคุณของพนักงานร้านสะดวกซื้อบางคน(ส่วนใหญ่)ตรงไหน
เป็นพฤติกรรมที่ไร้คุณค่าทางจิตสำนึก
มันด้อยค่าเกินกว่าจะเรียกว่าทำไปตามหน้าที่
มีความหมายน้อยกว่าการกระโดดตัวลอยในตอนที่ได้ยินเพลงที่ตัวเองชื่นชอบ
คุณค่าเดียวที่มีคือทำให้ผมหวนระลึกถึงการทดลองของพาฟลอฟเท่านั้น...
และหากมองว่าเป็นพฤติกรรมอันเป็นผลสืบเนื่องจากสัญชาตญาณเช่นกันก็คงพอจะสรุปได้ว่าสิ่งที่มนุษย์(ที่อยู่ในอาณาเขตสายตาของผม)กำลังแสดงออกมานั้นก็คือสัญชาตญาณที่เรียกว่า "ความมักง่าย"
ผมไม่เข้าใจว่าคนที่ยืนเคารพธงชาติไปคุยกันไปหัวเราะคิกคักกันไปนั้นมีสิทธิ์อะไรมามองผมที่นั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางกระแสเสียงของเพลงชาติด้วยสายตาที่ยากจะระบุความหมายนั่น...
บางคนคุยโทรศัพท์ไปเคารพธงชาติไป...
ฟังดูเหมือนผมเป็นพวกสุดโต่ง...ก็ไม่เชิงหรอก ผมเองก็เข้าใจว่าทุกอย่างมันมีพลวัตรของมัน และมันสามารถยืดหยุ่นกันได้ด้วยพลานุภาพแห่งพลวัตรของมันแต่ที่ผมอยากจะบอกก็คือเรื่องของการทำตามกันไปอย่างไม่เคยเข้าใจในความหมายหรือจิตวิญญาณในสิ่งที่ตนกำลังกระทำ...
ก็เท่านั้นเอง
ปล. ทฤษฎี Classical Conditioning อันโด่งดังของ "Ivan Pavlov" (นักสรีรศาสตร์ชาวรัสเซีย)อันว่าด้วยการจับคู่เข้าด้วยกัน ระหว่างตัวกระตุ้นเร้าที่ทำให้เกิดการตอบสนองตามธรรมชาติกับตัวกระตุ้นเร้าที่เป็นกลาง ภายหลังที่เกิดการเรียนรู้ความเกี่ยวเนื่องระหว่างสองตัวกระตุ้นเร้าดังกล่าวขึ้น -การตอบสนองต่อตัวกระตุ้นเร้าแรกสามารถทำให้เกิดขึ้นได้โดยตัวกระตุ้นเร้าตัวที่สอง- การทดลองที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ "สุนัขของพาฟลอฟ" หรือ "Pavlov's Dog" นั้นเป็นตัวอย่างที่พาฟลอฟใช้ในการอธิบายทฤษฎีดังกล่าว ปรกติแล้ว อาหารจะเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้สุนัขเกิดการหลั่งน้ำลาย ซึ่งเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติ ลำพังเสียงกระดิ่งจะไม่ทำให้เกิดการตอบสนองนี้ แต่พาฟลอฟพบว่าด้วยการจับคู่ตัวกระตุ้นทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน นั่นก็คือ สั่นกระดิ่งในขณะที่ให้อาหารแก่สุนัข เขาสามารถสร้างเงื่อนไขให้สุนัขเกิดน้ำลายไหลเพียงได้ยินเสียงกระดิ่ง

Comments:
This comment has been removed by a blog administrator.
 
Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?