Monday, September 25, 2006

 

Hello…Mr. Armed – Messiah (1)

มันกำลังจะครบหนึ่งอาทิตย์...
และ...ผมยิ่งทวีความไม่สบายใจ

ไม่สบายใจกับภาพของประชาชนที่เข้าไปจับมือ ส่งอาหาร มอบดอกไม้ ถ่ายรูปร่วมกับเหล่าทหาร ยุทธยานยนต์ และยุทโธปกรณ์ที่ประจำอยู่ตามที่ต่างๆตามคำสั่งของคปค. หรือคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ความไม่สบายใจแรกๆก็คือ ในมือที่รับอาหาร ดอกไม้ และกำลังใจจากประชาชนนั้น จะมีมือข้างไหนคู่ไหนบ้างไหมนะ ที่อาจจะเป็นมือข้างเดียวกับที่ครั้งหนึ่งเคยถือปืนเหนี่ยวไกสาดกระสุนใส่ประชาชนเพื่อกำราบความแตกต่างทางความคิด (ที่พวกเขาเรียกมาจนถึงการรัฐประหารครั้งนี้ว่าความขัดแย้ง) เมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และจะเป็นไปได้ไหมนะ ที่ในอนาคตที่ไม่ไกลเกินกว่าจะจินตนาการได้นี้ มือนั้นจะหวนมาเหนี่ยวไกใส่ผู้ที่มอบดอกไม้ให้ตน

แต่ความไม่สบายใจดังกล่าวก็กลับกลายเป็นเพียงเสี้ยวขำทางความคิด เมื่อตอนนี้ผมกำลังสัมผัสกับความไม่สบายใจที่มากกว่า จากภาพเหตุการณ์ดังกล่าว มันทำให้ผมเกิดความไม่สบายใจว่า ภาพปฏิสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารและประชาชนในขณะนี้ ภาพที่สื่อให้คำจำกัดความว่าน่าชื่นชมนั้น กำลังสะท้อนถึงแนวความคิดอันเป็นหลักใหญ่ประการหนึ่งของของผู้คนในสังคมนี้

C'mon…mr. Messiah, with our pleasure
Cum on…mr. Messiah, on our faces, with our pleasure

ผมนั่งคิดจนเชื่อมาพักหนึ่งว่า บ้านนี้เมืองนี้เป็นสังคมแบบที่ผู้คนรอคอยการมาถึงของเมสไซอาห์ หรือพระผู้ไถ่ผู้จุติลงมาเพื่อปัดเป่า บรรเทา หรือถึงขั้นกำจัดสลายซึ่งความทุกข์ยากลำบากเข็ญของผู้คน ผมไม่อยากจะยอมรับแนวความคิดแบบนั้นของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ภาพที่ออกมาตามสื่อขณะนี้กลับยิ่งช่วยตอกย้ำ ซ้ำให้ผมเชื่อในแนวความคิดดังกล่าวได้ง่ายขึ้น

ในเชิงความคิดทางศาสนา ผมพอจะยอมรับได้กับแนวความคิดว่าด้วยการรอคอยการมาถึงของเมสไซอาห์ คิดและเชื่อแบบนั้นเพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป แต่กับแนวคิดในเชิงบ้านเมืองนั้น ผมคงยอมรับไม่ได้

การรอคอยเมสไซอาห์ทางการเมืองการปกครองนั้น ไม่ว่าบ้านเมืองจะมีการปกครองเป็นแบบไหน ผมก็ถือว่าเป็นแนวคิดปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น เพราะมันแสดงออกถึงการไม่ลุกขึ้นสู้ของประชาชน ยิ่งกับในบ้านเมืองที่กล่าวอ้างว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย (อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) ซึ่งถือเป็นระบอบที่ให้สิทธิ์แก่ประชาชนเป็นอย่างสูง ยิ่งไม่เหมาะสมใหญ่ เพราะมันส่อแสดงถึงการงอมืองอเท้า การไม่ตระหนักถึงสิทธิที่ตนมีต่อการเมืองการปกครอง สิทธิของประชาชนที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

ผมพอจะเข้าใจว่า คงยังมีประชาชนคนส่วนใหญ่ (หรือแม้กระมั่งตัวผมเอง) ที่ยังไม่เข้าใจ และยังไม่รู้ถึงอำนาจของอัตปัจเจกสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ตนมีอยู่ ซึ่งความไม่ได้รับรู้ ความไม่เข้าใจ หรือความไม่ใส่ใจจะรับรู้ กอปรกับความรับรู้เข้าใจแต่ใช้ไม่เป็นดังกล่าวนี้เอง ที่ผมเชื่อว่าเป็นเหตุให้เกิดระบอบทักษิณ และนำมาจนถึงการรัฐประหารที่แลดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความชอบธรรมในครั้งนี้

ชอบธรรม...
ชอบ...ทำ

คงต้องขอนิยามกันก่อนเลยว่า สังคมบ้านนี้เมืองนี้เป็นแบบ “ขี้เกียจ อยากสบาย และใจร้อน” ซึ่งสิ่งเหล่านั้น ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งครั้งไหน สิ่งที่คนส่วนใหญ่รอคอยจึงมักจะเป็นปาก ปากของใครก็ตามที่พ่นออกมาซึ่งนโยบายที่เชื่อได้ว่า จะทำให้ตนได้หลุดพ้นจากความยากลำบาก เพื่อจะได้ประสพพบพานกับความสุขที่ตนปรารถนาเสียที

นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความเข้าใจผิดระดับการปกครอง การที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีคนๆหนึ่ง ที่จะมาพร้อมคนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ทำให้คนที่เหลือ และส่วนใหญ่ของคนที่เหลือนั้น กำหนดใจพร้อมไว้ก่อนว่า ตนนั้นต้องยินยอมจะเป็นผู้ตาม

เมื่อมีคนส่วนใหญ่กำหนดใจให้พร้อมยอมรับความเป็นผู้ตาม ทันที่นโยบายของคนหนึ่งกับกลุ่มน้อยนั้น แลดูมีน้ำหนักแห่งความเป็นจริงในเชิงที่ว่า คนกลุ่มนั้นกำลังให้ของฟรี อันหมายถึงชีวิตดีๆที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากไปกว่าการออกแรงจรดน้ำปากกาขีดกากบาท คนกลุ่มใหญ่ก็พร้อมใจที่จะเดินตามกันไปในทิศทางนั้นในทันที

จึงเป็นที่มาของประชานิยม...

โดยลักษณะแล้วการเลือกตั้งไม่ใช่ทุกอย่างของประชาธิปไตย เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง ผมมองว่ามันเหมือนการค้า เป็นตลาดนโยบาย สินค้านโยบายตัวไหนที่เป็นที่ถูกใจย่อมได้รับการซื้อไปอย่างล้นหลาม หากอยากเป็นผู้นำต้องรู้จักทำการค้าขายนโยบายอย่างชาญฉลาด หาให้เจอว่าสิ่งอันเป็นที่ปรารถนาใดที่ยังขาดแหว่งเป็นรอยโหว่อยู่ในหัวใจของคนส่วนใหญ่ แล้วจึงรีบผลิตคำโฆษณาว่าด้วยการผลิตสินค้าตัวนั้นออกมาขาย และเมื่อพูดให้มันดูมีความน่าจะเป็นของการเกิดขึ้นจริงได้สูงเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับการจับจ่ายซื้อไปก็ยิ่งสูงเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ได้รับมานั้นคือทุนทางการเมืองตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งนั่นเอง

คงไม่เป็นการเกินไปหากจะกล่าวว่า ทุนทางการเมืองดังกล่าวนั้นทรงพลังเป็นอย่างมากในประเทศที่ยังไม่มีความเข้าใจในประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ ยิ่งในประเทศประชาธิปไตยที่เชื่อว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง ทุนดังกล่าวก็จะยิ่งทรงพลังเป็นอย่างมาก เพราะผู้ที่ได้รับทุนดังกล่าวนั้นจะเอามาอ้างได้ว่าตนเป็นฝ่ายถูก ตนผงาดขึ้นมาอย่างถูกต้อง เพราะตนได้รับเลือกมาจากเสียงข้างมาก สามารถพูดได้ว่าตนมาจากการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และพอจะทำให้หลายๆคนคล้อยตามความเชื่อไปได้ไม่ยาก ทำให้ความเชื่อใจนั้นกลายเป็นทุนทางการเมืองที่ทรงพลังอีกก้อนหนึ่งขึ้นมา

จึงเป็นที่มาของระบอบทักษิณ...

เมื่อมีการอ้างเอาเสียงส่วนมากของประชาชนเป็นความชอบธรรมแห่งการดำรงอยู่ของตน มีความเชื่อของประชาชนคนหมู่มากเป็นทุนการเมือง ก็เหมือนมีเกราะคุ้มกันที่แน่นหนามากแล้วชั้นหนึ่ง จะทำอะไรๆก็ง่ายขึ้น ศึกษาช่องโหว่ของการคอร์รัปชั่นแบบเดิมๆที่เคยผ่านหูผ่านตามา แล้วทำการปะอุด สร้างรูปแบบให้ซับซ้อนมากขึ้น ก่อกลายเป็นคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ที่แลดูมีความชอบธรรม และยากจะมองเห็นได้ถ้าไม่สังเกต เพราะถูกอย่างแลดูถูกต้องไปตามกฎหมายที่ได้รับการแก้ไขใหม่ให้เอื้ออำนวยต่อการโกง

อาจจะมีผู้ที่รู้ทัน และพยายามเปิดเผยถึงการโกงในรูปแบบใหม่นั้น แต่สุดท้าย เหล่าผู้นำก็สามารถอ้างถึงความชอบทำจากการที่ตนเองชนะการเลือกตั้งมาด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นถึงสองครั้งสองคราได้

แล้วทำไมเมื่อมีการเปิดเผยขอมูลการทุจรติที่มากมายถึงขนาดนั้น แต่ความหนาแน่นของฐานเสียงก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง??

ผมเชื่อว่าเป็นเพราะว่า ความหนาแน่นของข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยออกมานั้น ยังกระจุกตัวอยู่แต่ในเขตการรับรู้ของพลเมืองชั้นใน ไม่ได้รับการกระจายออกไปสู่พลเมืองชั้นนอก และพลเมืองชายขอบอย่างพอเพียง และผมเชื่อว่า พลเมืองชั้นนอกที่อยู่ห่างไกลนั่นเอง ที่เป็นฐานเสียงที่แข็งแรง เกินกว่าเพียงข่าวแฉข่าวเปิดโปงจะไปลบล้างความเชื่อในตัวเมสไซอาห์ของพวกเขาได้

หรือถึงข้อมูลข่าวสารจะไปถึง ด้วยความซับซ้อนละอ่อนเอียดในเนื้อหาแห่งการกระทำ ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนหมู่มากทั้งหมดเข้าใจได้พร้อมๆกัน ว่าการคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นนั้น กำลังกระทบถึงตัวเอง กำลังกระทบถึงสิทธิอันพึงมีพึงได้ของตัวเองอย่างไร ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าปากท้อรายวันของตัวเองกำลังได้รับผลกระทบแต่อย่างไร ดังนั้น จะแฉจะเปิดโปงไปเท่าไร ก็รังแต่จะทำให้พวกเขารู้สึกว่า เมสไซอาห์ของเขากำลังตกที่นั่งลำบาก กำลังถูกกลุ้มุมรุมทำร้ายจากฝ่ายที่ไม่หวังดี

จึงนำมาถึงสิ่งซึ่งคปป.เรียกว่าความขัดแย้ง...

ในทรรศนะของผมแล้ว ในช่วงแรกที่บ้านเมืองแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่เอานายกกับไม่เอานายกนั้น ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่ใช่ “ความขัดแย้ง” แต่เป็นเพียง “ความแตกต่าง” ทางความคิดเท่านั้น และผมคิดว่านั่นเป็นนิมิตหมายอันดีของระบอบประชาธิปไตย เพราะต่างฝ่ายต่างสามารถมีสิทธิ์จะแสดงออกถึงความคิดเห็นที่แตกต่าง และน่าจะพัฒนาไปถึงขั้นทำความเข้าใจในความแตกต่างนั้นๆ เพื่อเข้าใจถึงเหตุแห่งความคิดที่แตกต่างกัน แล้วทำการปรับเข้าหากันเพื่ออุดความบกพร่องต่างๆได้

แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น...

อัตตาและความไม่รู้ได้นำพาความแตกต่างนั้นไปสู่ความขัดแย้ง ความขัดแย้งที่ไม่ใช่แต่เพียงการแสดงออกอย่างรุนแรงในเชิงความคิด แต่กลับแลดูรุนแรงอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วยการชุมนุม การด่าทอ การปะทะกันของกลุ่มที่มีความคิดเห็นตรงข้ามกัน

ในวินาทีที่ความขัดแย้งเดินทางมาจนเกือบจะถึงจุดแตกหัก...
เมสไซอาห์...ปรากฏตัวขึ้น

กองกำลังเมสไซอาห์ติดอาวุธ ก่อการรัฐประหารเพื่อสยบความไม่สงบทั้งปวง และผู้คนก็รู้สึกดีใจ เพราะรู้สึกว่าความแตกแยกในสังคมที่กำลังเกิดขึ้นนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องได้รับการกำจัดไปจริงๆ

เกิดขึ้นจากตัวเอง...ปล่อยให้เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆด้วยตัวเอง
แต่ไม่คิดแก้ไขกันเอง...

ผมยังไม่อยากสรุปอะไรถึงผลของการรัฐประหารในครั้งนี้ เพราะมันคงจะเร็วเกินไป แต่ที่ผมกำลังกลัวก็คือ สิ่งที่สื่อกำลังประโคมว่ามันคือความสมานฉันท์แสนสวยงามที่ใฝ่ฝันกันมานานนั้น จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นการยอมศิโรราบ การยอมจำนนให้กับความคิดหวังที่จะรอแต่เมสไซอาห์ของผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้

บางทีคงเพราะเมสไซอาห์ในครั้งนี้คือการรัฐประหาร และยิ่งมันแลดูชอบธรรมมากขึ้นเท่าไหร่ นั่นก็ยิ่งทำให้ผมหวั่นใจว่าต่อไปมันอาจจะถูกเชิญมาโปรดในทุกๆครั้งที่คนในบ้านนี้เมืองนี้ไม่อาจจัดการกับความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่รู้และความปล่อยปละละเลยของตัวเอง

มันแลดูไม่ค่อยคุ้มค่า...

กับการที่เราทุ่มกองกำลังติดอาวุธทั้งหมดไปในการจัดการกับคนเพียงคนเดียว คนๆเดียวที่เติบโตขึ้นมาได้จากการที่เราเอาอำนาจไปมอบให้เขา ใช้ความปล่อยปละละเลยส่งเสริมให้เขากลายเป็นเมสไซอาห์ในสายตาของหลายๆคน แล้ววันหนึ่งก็เอาปืนไปปลดเขาลงมาโดยแลกมาด้วยการทำให้เข็มระบอบประชาธิปไตยของเราหมุนกลับไปอยู่ที่เลขศูนย์อีกครั้ง

แต่บางทีผมก็คิดว่า ประชาธิปไตยอาจจะไม่ได้วนกลับไปอยู่ที่เลขศูนย์ แต่เพราะมันค้างอยู่ที่เลขศูนย์มาตั้งแต่ต้นต่างหาก เหตุการณ์จึงได้ดำเนินมาจนถึงในจุดนี้

ผมเชื่อว่าเมสไซอาห์ที่ดีที่สุดน่าจะเป็นตัวตนของเราแต่ละคนเอง กระบวนการตรวจสอบทางการเมืองที่เข้มแข็งที่สุดไม่ใช่ศาลหรือองค์กรใดใด หากแต่เป็นตัวประชาชนที่มีความรู้และความเข้าใจในสิทธิ์ที่ตนมี สามารถบริหารใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรื่องล้าสมัยที่ทำให้ดูราวกับว่าเรากำลังอาศัยอยู่ในบ้านป่าเมืองเถื่อนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นมาอีก

อ่านต่อตอนสองครับ...


Comments:
หายไปนานเลยนะท่าน

กลับมาอย่างเฉียบคมเหมือนเดิม เยี่ยมยุทธ์มาก

รอติดตามอ่านตอนสองอย่างใจจดจ่อ แต่ดันเว้นวรรคซะงั้น (มุขนี้คุ้นๆแฮะ 55)

รีบๆเขียนนะครับ รออ่านอยู่

ป.ล.

ตอนใหม่มันเม้นไมได้แฮะ ไม่รู้มันเกิดอันหยังขึ้น
 
ยาวจัง
 
แจ่ม !!
 

thank you for joining us. his article is very helpful

Obat Maag Alami
 

This article is interesting and useful. And let me share an article about health which insha Allah will be very useful if we use it again for others.

Obat Untuk Mengobati penyakit osteoarthritis
Cara Mengobati Penyakit Gula Darah
Obat Untuk Penyakit TBC
Cara Mengobati Jamur Mulut
Cara Pemesanan
Cara Mengobati Telinga Berair
Bahaya Penyakit Muntaber dan cara mengatasinya

 
Thanks for sharing nice information with us. i like your post and all you share with us is uptodate and quite informative
walatra sarang semut
penyebab puting payudara terasa gatal
cara menghilangkan penyumbatan pembuluh darah di otak
cara menghilangkan benjolan di belakang telinga
 
Nice to be visiting your blog again, it has been months for me. Well this article that i’ve been waited for so long. I need this article to complete my assignment in the college, and it has same topic with your article. Thanks, great share
obat penghilang benjolan di vagina
obat nyeri panggul
cara menghilangkan tumor di leher
cara menyembuhkan sering kencing
obat kencing tidak tuntas
obat penghilang benjolan di leher
obat penghilang benjolan di punggung
 
Thanks please share this information if you are face any problem in Toshiba laptop. We will help you for more detail visit here
cara menyembuhkan batuk rejan
obat pergelangan kaki bengkak
obat pengapuran tulang belakang herbal
obat tbc tulang belakang
cara menghilangkan keloidcara menghilangkan benjolan tumor di payudara
 
given article is very helpful and very useful for my admin, and pardon me permission to share articles here hopefully helped :

Cara menyembuhkan diabetes dengan pare
Cara mengobati kanker paru paru stadium 1
Cara menyembuhkan tumor otak
 

Very interesting article, thank you for sharing. I also want to share the following health articles, God willing, useful. Thank you :)

Obat Usus Buntu Tanpa Operasi
Cara Menghilangkan Kelenjar Tiroid
Obat Iritasi Mata Karena Softlens
Obat Kelenjar Getah Bening Menahun
Obat Koreng Menahun
Obat Alami Katarak tanpa Operasi

 
Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?