Saturday, October 14, 2006
mp3ในรอยแยกของสถาบันครอบครัว
ลูกทำอย่างนั้นได้อย่างไร??
พวกโจรกระจอก...
ไม่มีคำลงท้ายใดจะมอบให้กับสำเนาพันธุกรรมที่บกพร่อง
พ่อมึง
To be continued...
14 ตุลาคม 49
เรียนต้นฉบับเอกสารพันธุกรรมคุณภาพแย่
เรามีความต้องการเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้ทราบว่า ภายใต้ผลแห่งวิสาสะโดยอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่อมาล่วงละเมิดอาณาเขตความเป็นส่วนตัวของเรานั้น ท่านได้หยิบเอาโสตทัศนวัสดุอนาจารของเราติดไม้ติดมือไปด้วยเป็นจำนวนสองชิ้น ซึ่งมิใช่สองชิ้นที่ท่านกล่าวอ้างว่าเป็นหลักฐานยืนยันถึงความเป็นวิปริตกามาชนของเราแต่อย่างใด หากแต่เป็นแผ่นที่ช่วยยืนยันความคิดที่ว่า ตัวท่านนั้นก็เป็นเพียงกามาชนกระแสหลักที่ชื่นชมในความน่ารักคิกขุ ขาวหมวยแบบแซมดำที่หว่างขาประสาสาวซากุระเท่านั้น
เราจึงขอใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของประกาศให้ทราบว่า กรุณานำมิโนริ อาโออิทั้งสองแผ่นมาคืนก่อนที่เราจะแจ้งเจ้าหน้าที่ครอบครัว (ภริยาของท่าน) ทราบเพื่อจัดการดำเนินคดีกับท่านต่อไป
เราไม่แน่ใจว่าที่ท่านเขียนถึงเรานั้นมันคือจดหมาย...
หรือว่า...แถลงการณ์ของคณะปฏิวัติ
ท่านหลั่งมันรดไว้ในหน่วยความจำของคณิตกรของเรา ในวินาทีที่เปิดมันอ่านนั้น เรารู้สึกเหมือนเวลาชีวิตของตัวเองได้วกย้อนกลับไปในสมัยคราวที่ได้สัมผัสอ่านซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งสารขันธ์ราชอาณาจักรนี้เป็นครั้งแรก สิ่งแรกที่สัมผัสได้อย่างโดดเด่นและชัดเจนกลับไม่ใช่ความใจของสิ่งที่ได้อ่าน หากแต่เป็นความวิปริตวิตถารอนาจารในเชิงทักษะภาษา อันเกิดเนื่องแต่แรงจูงใจเบื้องหลังของผู้เขียนที่ต้องการอวดอ้างกร่างภูมิของตนออกมาในรูปความเข้มข้นซับซ้อนของลักษณะภาษา ส่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามใช้ภาษาให้แตกต่างเพื่อแสดงออกซึ่งตำแหน่งฐานะทางชนชั้นและความรู้ที่สูงกว่า เป็นพวกภาษานุรักษ์นิยมที่ชื่นชมกับหอมหวานแห่งความเก่าขมของภาษา โดยถืออ้างเอาความเป็นทางการหรือวิจิตรวรรณศิลป์เป็นมูลเหตุบังหน้า เป็นหนังหุ้มปลายของลำลึงค์แห่งการเหยียดย่ำหยามกดทางชนชั้นด้วยภาษา
ในการนี้ เราจึงขอใช้ภาษาที่มีความกระเดียดกระแดะในระดับเดียวกันในการตอบโต้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ท่านพูดด้วยอยู่นี้ หาได้มีความต่ำชั้นใดใดไปกว่าตัวท่านไม่
จากนี้...คือความในใจอันเกิดแต่การที่ได้อ่านในสิ่งซึ่งท่านอ้างว่าคือจดหมาย
หากพูดในฐานะที่ท่านเป็นนายกรัฐมันตรีของบ้าน เรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่จะบอกว่าท่านคงสอบตก เนื่องมาจากภาษาที่ท่านใช้เพื่อสื่อสารกับคนในบ้านนั้น มีความซับซ้อนเกินกว่าที่ลูกบ้านระดับธรรมดาจะสามารถเข้าถึง การเข้าถึงเข้าใจกันระหว่างพ่อบ้านและลูกบ้านน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมีใครปฏิเสธได้ เพราะนั่นย่อมส่อแสดงถึงความเข้าอกเข้าใจในวิถีของกันและกันเป็นอย่างดีก่อนที่จะออกนโยบายบริหารใดใดมาใช้กับลูกบ้าน หากปราศจากซึ่งความเข้าใจในส่วนนั้นแล้ว สิ่งที่ท่านกำหนดออกมาได้คงเป็นเพียงนโยบายแบบท็อปดาวน์ คือนโยบายที่คนชั้นบนคิดว่าได้ครุ่นคิดมาอย่างดี เป็นความเหมาะความสมในสายตาแบบวิหคนัยนทัศนา แล้วบังคับให้คนชั้นล่างในปกครองใช้โดยไม่เคยได้คำนึงถึงความเหมาะสมแก่วิถีของคนชั้นล่างนั้น
สำหรับแมงกุดจี่...ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ขี้ควายจะมีโอชาแห่งรสชาติต่ำด้อยน้อยกว่าสเต็ก
มิหนำซ้ำ ทั้งที่ตนเองมีความบกพร่องต่อความรู้ความเข้าใจในวิถีของเรา ท่านยังกล้าคิดอ่านตัดสินว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่มีเพียงเล็กน้อยแห่งสิ่งที่ท่านเชื่อว่าเป็นหลักฐานสนับสนุนความคิดอยากเชื่อของตนปรากฏอยู่ แต่ท่านก็ยังกล้าที่จะด่วนสรุปว่าเราเป็นดังเช่นที่ท่านคิด
เรามิได้กังวลใดใดกับเวลาที่ท่านมีให้เพียงน้อยนิด จะมากมายหรือน้อยนิดย่อมไม่มีผลอะไรหากท่านยังคิดตัดสินเราเอาแต่จากความคิดเข้าใจของตนเอง กลับกัน ด้วยลักษณะมุมมองคิดอ่านของท่าน เรากลับรู้สึกเป็นกังวลในจิตใจหากท่านเกิดดำริหวังตั้งใจจะใช้เวลาร่วมในชีวิตของเรามากขึ้น เพราะนั่นย่อมหมายความว่า ท่านอาจจะพยายามเปลี่ยนแปลงวิถีของเราให้เป็นไปดังเช่นที่ใจของท่านต้องการ กับทั้งความตั้งใจนั้นยังเป็นไปภายใต้นิยามความแห่งหน้าที่ของการเป็นพ่อแล้ว เราคงยิ่งไม่ต้องการจะได้รับสัมผัสซึ่งรสแห่งการกระทำนั้น เพราะเราคิดว่า กับในเรื่องของความสัมพันธ์คนรักหรือพ่อลูกนั้น หากต้องทำอะไรลงไปเพียงเพราะเป็นหน้าที่ โดยไม่ได้เกิดโดยความต้องการกระทำที่แท้จริงแห่งจิตใจแล้ว ท่านก็อย่าได้กระทำมันเสียเลยดีกว่า
เรามิได้เป็นวิปริตกามาชนดังเช่นที่ท่านพิพากษาว่าเราเป็น...
และยังเต็มเปี่ยมด้วยวิจารณญาณที่อยู่นอกเหนือกรอบของสังคมหรือตรรกะธรรมชาติ เรายังคิดรู้ได้ด้วยตนเองว่า วิตถารโสตทัศนอนาจารสองชิ้นที่ท่านอ้างถึงนั้นเป็นเครื่องส่อแสดงถึงวิปริตแห่งจิตใจและวิถีกามปฏิบัติของมนุษย์ เราเสพย์ชมมันเพื่อรับรู้และทำความเข้าใจในเชิงลึกถึงความวิปริตดังกล่าวเท่านั้น อาจไม่ถึงขั้นละม้ายคล้ายซึ่งอสุภกรรมฐาน เพราะเรามิได้กระทำลงเพื่อถึงขั้นปลง แต่เรากระทำลงเพื่อความเข้าใจถึงความบิดเพี้ยนในเพศวิถีของมนุษย์ให้มากขึ้น เพื่อเกิดประโยชน์แก่ทั้งการทำรายงานในวิชาเลือกสาขาจิตวิทยาของเรา และเพื่อตัวเราจะได้มองผู้คนด้วยสายตาที่กว้างขึ้น
แต่เกรงว่ารอยแยกทางความเข้าใจระหว่างเรากับท่านนั้นเป็นเรื่องจริง...
เพราะท่านไม่ได้เข้าใจซึ่งวิถีมุมมองของเราแม้แต่น้อย ท่านเพียงรู้จักซึ่งมุมมองของตนเอง มิหนำกลับคิดว่าความรู้จักเข้าใจนั้นได้เป็นจริงอยู่ในวิถีของเราด้วย ซึ่งถือเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด
กับเรื่องที่ท่านกล่าวโทษเราที่ชื่นนิยมชมชอบในตัวศิลปินที่มีความคิดต่างในเชิงความเชื่อทางศาสนานั้น เราอยากจะกระตุ้นเตือนให้ท่านคิดสักนิกว่า ในขณะที่ท่านกล่าวหาว่าเราเหยียบย่ำในความเชื่อของคนอื่นนั้น ท่านก็กำลังทำการเหยียบย่ำซึ่งความคิดเชื่อของตัวเราไปด้วยในเวลาเดียวกัน เฉกเช่นที่ท่านยึดมั่นในหลักเหตุและผลของตัวเอง ซึ่งนั่นก็ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง ความเชื่อที่ทำให้ท่านกดเหยียดเบียดย่ำการกระทำความเชื่อในเรื่องการขูดขอหวยของหลายๆคนว่าเป็นความงมงายที่แสนไร้สาระ แล้วในคราวนี้ท่านก็ยังมากล่าวหาว่าความไม่เชื่อในพระเจ้าของเรานั้นเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นซึ่งคนที่เชื่อในพระเจ้า เราจึงขอบอกไว้เลยว่า แม้เราจะไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เราก็ไม่เคยกล่าวโทษความคิดเชื่อในพระเจ้าว่าเป็นความงมงายผิดบาป ซึ่งแม้ว่าความเชื่อเช่นนั้นจะดูไร้สติเป็นอันมากในคนบางหมู่เราก็ไม่คิดว่าเป็นความงมงาย เพราะเรากับคนเหล่านั้นก็เพียงแต่คิดต่างจึงเชื่อต่างก็เท่านั้น และตัวเราหรือตัวท่านเองก็อาจจะกำลังงมงายในสิ่งที่ตัวเองเชื่ออยู่เช่นกัน
แม้เป็นการกระทำหรือความเชื่อที่แลดูไม่มีเหตุผลที่สุด แต่ก็ยังสามารถหลุดจากโอบอ้อมกอดกักของนิยามความงมงายไปได้ หากตัวผู้กระทำรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และทำลงไปเพื่ออะไร
เป็นเรื่องน่ายินดี หากท่านเตือนเราด้วยความเป็นห่วงว่าเราจะก้าวล่วงไปเหยียบย่ำซึ่งความศรัทธาของคนอื่น แต่ท่านเองก็ต้องเตือนตัวเองไม่ให้ลืมไปซึ่งสิทธิเสรีภาพในการคิดเชื่ออย่างสงบของเราด้วย
แต่หากเป็นการเตือนเพียงเพราะความคิดเชื่อของเรามันเข้ากันไม่ได้กับรูปแบบที่ท่านต้องการ หรือคิดหวังอยากให้เราเป็น เราก็ขอให้ท่านปิดปากเงียบไปเสียดีกว่า เพราะท่านก็คงเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพียงหวังให้เป็นไปในทิศทางที่ท่านเรียกมันว่าถูกควรเท่านั้น
แม้แต่การปฏิวัติรัฐประหารที่ถือว่าเป็นการผิดต่อข้อกำหนดแห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญยังสามารถกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องได้หากกระทำสำเร็จแล้วสามารถหาเหตุแห่งการกระทำมาทำให้คนยอมรับได้ กระนั้นแล้วท่านก็อย่าได้หวังจะมาปรารถนาหาคาดซึ่งความผิดถูกที่แท้จริงในสังคมโลกนี้เลย
และเราได้บอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องของการคิดต่าง...
การคิดต่างนำมาซึ่งการให้ค่าที่แตกต่าง แม้กับเรื่องเอ็มพีสามที่ท่านแลดูทุกข์ร้อนกับมันเป็นหนักหนา ถึงขั้นนิยามความหมายใหม่ว่าเป็นทรัพย์สินที่เป็นภัยคุกคามก็เช่นกัน เท่าที่ได้อ่านความในสิ่งที่ท่านเรียกว่าจดหมาย เราพอจะเห็นได้ว่าท่านกำลังให้ค่ากับงานดนตรีภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ท่านมีส่วนร่วมว่ามีค่าสูงส่งสมคู่ควรเหมาะแก่คำว่าทรัพย์สินทางปัญญา แต่สำหรับเราแล้ว เรามิได้เห็นว่ามันมีค่าถึงขั้นนั้นแต่อย่างไร และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เพราะเหตุใดเราจึงเลือกจะเสพย์ซึ้งซึ่งทรัพย์สินทางปัญญาของอารยชนคนนอกประเทศ
พวกท่านดีแต่อ้างคำว่าทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อสร้างค่าที่คู่ควรแก่การให้คนสนับสนุนสินค้าของพวกท่าน ท่านบอกว่าสินค้าของท่านมิใช่แต่เพียงสินค้า หากแต่มันคือปัญญาที่ได้รับการตีมูลค่าเป็นตัวเงิน เราอยากถามว่าท่านเอาอะไรมามั่นใจว่าปัญญาของพวกท่านมีมูลค่าสูงส่งถึงเพียงนั้น เอาอะไรมาเชื่อมั่นจนทำให้สมัยหนึ่งนั้นพวกท่านกล้าตั้งราคาสินค้าตัวเองถึงแผ่นละสามสี่ร้อย เราอยากถามว่า ในกระแสการรณรงค์ให้เยาวชนและผู้คนทั่วไปหันความสนใจไปเสพย์ซึ้งซึ่งดนตรีแทนที่จะเป็นยาเสพติดนั้น ด้วยราคามูลค่าในระดับดังกล่าวมันง่ายดายต่อการเข้าถึงในระดับมหาชนที่ตรงไหน ท่านหวังให้คนเสพย์สมอมดูดซึ่งงานของท่าน แต่กำแพงราคาที่ท่านสร้างขึ้นมากลับสูงส่งจนยากยิ่งที่คนธรรมดาจะปีนป่ายข้ามไปถึง
ท่านรู้หรือไม่ว่าสำหรับผู้บริโภคอย่างเราแล้ว การซื้อซีดีเพลงสักแผ่นถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก กับทั้งการลงทุนนั้นยังไม่ได้เป็นไปตามตรรกะแบบไฮริสก์ไฮรีเทิร์น จะมีสักกี่ครั้งกันที่เราลงทุนกับสินค้าของท่านด้วยจำนวนเงินที่สูงขนาดนั้นแล้วเราจะได้รับผลตอบแทนที่เท่าเทียมกันหรือมากกว่า มิหนำซ้ำ เรายังต้องพบว่าการลงทุนซื้อสินค้าของท่านนั้นกลับเป็นไปตามตรรกะแบบไฮริสก์โลว์รีเทิร์น หรือบางครั้งถึงขั้นลูซรีเทิร์น เราลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงแต่กลับได้รับผลตอบแทนที่ไม่เป็นที่น่าพอใจ หรืออาจถึงขั้นสูญเสียซึ่งผลตอบแทนอันพึงได้จากเงินลงทุนนั้นไปด้วยซ้ำ
สิ่งนั้นส่อแสดงถึงว่าตัวท่านเองก็กำลังเหยียบย่ำซึ่งความไว้ใจที่มีให้กับสมองของท่านเช่นกัน...
ครั้งหนึ่งเราสู้เคยศรัทธาเชื่อถือซึ่งวิลิษมาหราแห่งสติปัญญาของท่านและทีมงาน เรายอมเสียเงินมากมายจ่ายลงให้กับสินค้าของท่าน แต่ท่านกลับตอบแทนเราด้วยผลงานที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราได้จ่ายเงินลงไปเพื่อซื้อสรรพเสียงของการขับถ่ายของเสียมาบริโภค
เป็นการยากที่เราจะทำใจเชื่อว่าเหล่านักผลิตงานเพลงที่คลุกคลีอยู่ในวงการมายาวนานนับสิบปีจะไม่มีสติรู้คิดได้ ว่างานชิ้นใหม่ๆผลิตออกมาที่นั้นมีความพิถีพิถันในความไพเราะถึงขั้นจะเรียกได้ว่าเป็นเพลงฟังที่ดีหรือยัง แล้วมันหมายความว่าอย่างไรกับการที่หลายๆอัลบั้มที่ผลิตออกมานั้นกลับมีเพลงเพราะเพียงหนึ่งหรือสองเพลงจากสิบถึงสิบสองเพลงที่บรรจุอยู่ หรือบางทีหนึ่งหรือสองเพลงนั้นกลับเป็นเพียงเพลงที่มีความไพเราะอยู่ในระดับที่พอฟังได้ หรือเลวร้ายกว่านั้นคือพอทนฟังได้เท่านั้นเอง
หากไม่มัวหลงติดอยู่กับอัตตาของตัวเองแล้ว เราคิดว่าท่านเองก็น่าจะพอรู้ได้ว่าในขณะที่ธุรกิจค่ายเพลงของท่านกำลังมุ่งมั่นเดินก้าวไปข้างหน้านั้น คุณภาพของเพลงที่ท่านผลิตกลับย่ำอยู่กับที่หรือถึงขั้นกำลังถดถอย จนแม้กระทั่งในวันนี้ที่ราคาของท่านถดถอยลงมาเหลือเพียงไม่เกินร้อยห้าสิบแล้วเราเองก็ยังไม่อาจจะทำใจลงทุนไปกับสิ่งที่ท่านเรียกว่าเป็นปัญญาได้
แล้วในเมื่อกับเงินปัจจุบันอันไม่เกินร้อยห้าสิบที่เราจ่ายลงไปนั้น ยังคงสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งต่อการที่เราจะได้เพลงฟังที่ดีเพียงหนึ่งหรือสองเพลงมาครอบครอง เราจึงอยากถามว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ หากเราจะผันเงินจำนวนนั้นไปซื้อสินค้าที่ท่านเรียกมันว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อที่เราจะได้ทำการลงทุนไปตามตรรกะแหกคอกแบบโลว์ริสก์ไฮรีเทิร์น เราลงทุนเพียงนิดเดียวแต่กลับได้เพลงไพเราะมากมายจากหลากค่ายหลายศิลปินมาไว้ในครอบครอง
เมื่อท่านไม่เปิดทางเลือกให้เรา...เราย่อมต้องหาทางออกให้กับทางเลือกของตนเอง
พูดถึงทางเลือก เราอยากบอกว่าการที่เราเลือกเสพย์ซึ่งงานลิขสิทธิ์ของศิลปินต่างชาตินั้นก็เพราะนั่นเป็นตัวเลือกที่แตกต่างที่เราสามารถเลือกรับได้ เป็นความแตกต่างทั้งทางดนตรี แนวคิด เนื้อหาอันเกิดแต่ความแตกต่างในคำเพลง ในขณะที่งานดนตรีส่วนใหญ่ในประเทศนี้ย่ำอยู่กับที่ด้วยเนื้อคำอันมีความถึงรอยรักที่หักร้าวของสาวหนุ่ม เพลงจากต่างชาติกลับมีเนื้อความที่ส่อแสดงลักษณะความเป็นไปในสังคม หรือลงลึกถึงขั้นใช้เนื้อหานั้นแสดงออกถึงความคิดเชื่อที่แตกต่างของตน และยังมีอีกมากมายที่ความในเนื้อเพลงนั้นส่อแสดงถึงความคิดจิตใจของผู้คนที่มีอะไรมากมายไปกว่าการยึดย่ำอยู่ในคำรัก ซึ่งบางครั้งการศึกษาเนื้อเพลงเหล่านั้นกลับให้ค่าเป็นความรู้ได้ดีกว่าการนั่งย่ำย้ำอ่านผ่านคำในตำราเรียนเสียอีก
มีหลายอารยชนคนเสพย์ดนตรีที่ให้เหตุผลถึงความน่าเบื่อจากการย่ำซ้ำในเนื้อหาของเพลงในประเทศนี้ว่าเป็นผลมาจากความคับแคบของตลาด คือแนวเพลงที่คนยอมรับและอยากฟังยังมีความต่ำชั้นของความหลากหลายอยู่ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวนั้นคงเอาใจตัวท่านได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับเราแล้ว หากท่านคิดจะอ้างอย่างนั้นแล้วก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการโยนความผิดไปให้เหล่าผู้ฟังที่ซื่อสัตย์ เราอยากถามว่า ในเมื่อตัวพวกท่านเองเป็นผู้ผลิตงานเพลงแล้วก็ย่อมมีอำนาจในการผลิตชิ้นงานให้มีความหลากหลายเพื่อนำมาซึ่งการเปิดขยายความกว้างของตลาด ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยทักษะและประสบการณ์ของท่านแล้วคงกระทำเรื่องดังกล่าวได้ไม่ยากนัก และสิ่งนั้นคงเป็นจริงขึ้นมาได้หากท่านไม่เพียงแต่ยึดติดอยู่กับผลประโยชน์ซึ่งอยู่ในรูปของตัวเงิน ว่าต้องผลิตเฉพาะแต่เพลงแบบนี้แนวนี้แล้วจึงจะขายได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ตลาดเพลงในทุกวันนี้กำลังเปิดกว้าง มีคนมากมายที่แสวงหาและพร้อมรับซึ่งแนวเพลงใหม่ๆที่มีรูปแบบเนื้อหาใหม่ๆ ซึ่งหากพวกท่านพร้อมใจกันผลิตออกมาแล้ว เราเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการยากในการที่จะสามารถขายสินค้าเหล่านั้นออกได้
แต่หากท่านยังคงยืนยันจะผลิตเพลงซึ่งมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นไปในแนวช้ำรักดังเช่นทุกวันนี้ เราก็พูดได้เหมือนที่ท่านพูดว่าศิลปินที่เรานิยมนั้นหากินโดยการเหยียบย่ำศรัทธาความเชื่อของผู้อื่น ว่าตัวท่านเองก็กำลังหากินอยู่กับอารมณ์โศกเศร้ามัวเมารักของผู้คนเช่นกัน
และผลประโยชน์ในรูปตัวเงินนั่นเองที่เป็นคำตอบที่แท้จริงที่ว่าเหตุใดท่านจึงต้องต่อสู้เพื่อสิทธิ์แห่งสินค้าของท่านอยู่ในทุกวันนี้ ท่านใช้คำสวยหรูอย่างทรัพย์สินทางปัญญาทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้สนใจมันมากไปกว่าเรื่องค่าของเม็ดเงินที่จะได้รับจากการขาย ผลกำไรที่ลดลงจากการที่เงินส่วนที่ท่านคิดว่าตัวเองควรจะได้รับได้ไหลลงสู่ธุรกิจใต้ดินทำให้ระดับผู้บริหารอย่างท่านร้อนรนจนทนไม่ได้ และต้องหาทางแก้ไขโดยการยัดเยียดความเป็นโจรประเภทต่างๆให้กับใครก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินนั้น
ท่านอาจจะคิดแย้งว่า แต่งานที่พวกท่านผลิตออกมานั้นก็ถูกส่งออกมาด้วยความตั้งใจ ด้วยหยาดเหงื่อแรงกายและความพยายาม เราเองอยากจะเตือนให้ท่านทราบว่า ในรูปแบบของการทำงานหนักนั้นนั้นมันมีแบบหนักอย่างคนและหนักอย่างควาย เมื่อวัดเอาจากภาพรวมชิ้นงานที่ท่านผลิตออกมาในทุกวันนี้นั้น หากจะอ้างถึงเรื่องการลงแรงทำงานหนักจึงควรได้รับซึ่งผลตอบแทน เราคิดว่าท่านกำลังทำงานหนักในแบบหลัง เมื่อท่านทำได้เพียงส่งกลิ่นสาปเหงื่อและคราบไคลออกมาในเพลงที่ตนผลิตแล้ว ผลตอบแทนที่ท่านได้รับจากเราก็ควรเป็นเพียงหญ้าสดหรือฟางแห้งเท่านั้น
กับสิ่งที่เรียกว่าดนตรีนั้น เพียงท่านทำงานหนักแล้วสร้างผลงานออกมาคงยังไม่อาจถือเรียกได้ว่าเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์ เพราะความสมบูรณ์ของดนตรีนั้นย่อมไม่หยุดอยู่เพียงแค่ความพึงพอใจของผู้สร้าง แต่ต้องได้รับการเสริมความสมบูรณ์ด้วยความพึงพอใจของผู้รับเป็นหลักใหญ่ด้วย
กับรูปแบบการผลิตผลงานเพลงของท่านในตอนนี้ เรามองว่าพวกท่านยังคงคับแคบทางจิตใจและสายตาด้วยยังมุ่งหวังผลิตเพียงดนตรีกระแสหลักที่ปักรากอยู่กับสังคมนี้มาช้านาน และยังยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นอยู่กับผลประโยชน์จนไม่คิดสร้างสรรค์หรือสนับสนุนดนตรีแบบอื่นๆที่เป็นกระแสรองเพื่อให้เป็นตัวเลือก เป็นการผูกขาดทางรสนิยมการเสพย์ ท่านไม่คิดสร้างตัวเลือกให้ผู้คนทั้งๆที่มีโอกาส อย่างเมื่อไม่นานมานี้ที่เป็นช่วงกระแสความแนวครองเมือง ท่านสามารถใช้ช่วงเวลานั้นสร้างผลงานทางเลือก โดยใช้ประโยชน์จากการแสวงหาความแนวของวัยรุ่นเพื่อเปิดตลาดทางเลือก แต่ท่านก็ยังปล่อยโอกาสดีนั้นให้หลุดลอยไป
ส่วนคุณูปการของเอ็มพีสามที่เห็นได้ชัดเจนประการหนึ่ง เรามองว่ามันเป็นสินค้าที่ช่วยขยายโอกาสให้ผู้คนในทุกระดับรายได้ได้สามารถเข้าถึงสื่อดนตรี และเป็นโอกาสที่มีช่องทางหลากหลายด้วยราคาที่ต่ำกว่าแต่มีชิ้นงานให้เลือกเสพย์ได้มากกว่า ถือเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีความแน่นอนในคุณภาพได้อย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้ เอ็มพีสามยังช่วยลดการผูกขาดความหลากหลายในการรับฟัง หากเราเลือกใช้สินค้าลิขสิทธิ์ของท่าน เราจะไม่สามารถฟังเพลงจากหลากหลายที่มาไปในเวลาเดียวกันได้ เพราะหากอยากฟังเพลงอื่นของคนอื่นหรือค่ายอื่นแล้วเราก็คงต้องวุ่นวายกับการเปลี่ยนแผ่น ท่านอาจจะเถียงว่าเทคโนโลยีที่บรรจุไว้ในคณิตกรสามารขจัดปัญหาความยุ่งยากดังกล่าวไปได้อย่างง่ายดาย แต่เราก็ขอถามกลับว่า แล้วกับในกรณีประชาชนคนที่ไม่มีกำลังซื้อคณิตกรมาใช้เล่า หากเขามีความสามารถซื้อได้เพียงเครื่องเล่นเอ็มพีสามราคาถูกเท่านั้นเล่า เขาจะไม่มีสิทธิ์ได้ฟังเพลงอันหลากหลายโดยการเดินเครื่องเล่นเพียงครั้งเดียวหรือ ไยคนเหล่านั้นจะต้องสูญเสียสุนทรียภาพทางดนตรีที่มีไว้ประกอบการทำงานอย่างอื่นไปด้วยแรงสะดุดจากการหยุดเปลี่ยนแผ่นด้วยเล่า ท่านจะไม่ให้สิทธิ์กับคนเหล่านั้นบ้างเลยหรือ
ไยต้องผูกขาดโอกาสในการรับฟังกันด้วย...
และกับเรื่องที่ท่านคิดแกมขู่ว่าจะทำการผลักดันให้เกิดกฎหมายที่รุนแรงเพื่อลงโทษธุรกิจการซื้อขายเอ็มพีสามอย่างดุดัน เราขอเตือนไว้ก่อนเลยว่ามันเป็นทางออกที่ไร้ประสิทธิภาพ เราคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคงไม่ใช่การสร่างซาของตลาดเอ็มพีสาม แต่น่าจะเป็นยอดส่วยที่เพิ่มขึ้น เป็นรายได้นอกระบบของเจ้าหน้าที่รัฐมือสกปรกบางคนที่จะเพิ่มขึ้น เพราะกฎหมายที่รุนแรงย่อมเป็นลู่ทางในการหาเงินของเจ้าหน้าที่บางส่วน โดยมอบการหลุดรอดจากการลงโทษของกฎหมายให้ผู้กระทำผิดเป็นการแลกเปลี่ยน
ดังนั้น หากใช้วิธีที่ท่านว่า เราว่าคงเป็นราคาของเอ็มพีสามที่จะต้องเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีต้นทุนค่าส่วยเพิ่มรวมมาในการผลิตด้วย แต่เชื่อเราเถิดว่า มันจะไม่ทำให้ยอดขายเอ็มพีสามลดลงมากมายสักเท่าไรนัก และไม่ได้ทำให้ยอดขายสินค้าลิขสิทธิ์ของท่านเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน กลับทั้งการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อท่าน ซึ่งนั่นย่อมไม่ส่งผลดีกับธุรกิจของท่านเองด้วย
ในส่วนเรื่องของเงินภาษีที่ท่านยกมาอ้างนั้น เราขอถามกลับง่ายๆว่า ท่านกล้าพูดเรื่องเราบกพร่องในการชำระเงินภาษีได้อย่างไร ในเมื่อต้นสังกัดของท่านเองก็มีการก่อตั้งบริษัทลูกขึ้นมามากมายหลายแห่งเพื่อทำการหลีกเลี่ยงจำนวนภาษีจริงที่ต้องจ่ายอยู่อย่างชัดแจ้ง
มาถึงตอนนี้แล้ว เราก็ไม่แน่ใจว่า หากเปรียบเทียบการที่ท่านเล่าความเป็นไปของเราให้เพื่อนท่านฟังกับการที่เราเล่าความเป็นไปของท่านให้เพื่อนเราฟัง อย่างไหนจึงจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายกว่ากัน
ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า
ผม
ปล. สำหรับเราแล้วเอ็มพีสามไม่ได้เป็นตัวย่อของคำอันมีความว่าทรัพย์สินที่เป็นภัยคุกคาม หากแต่มันคือมายเพรฟเฟอร์เรนซ์ (My Preference) หรือก็คือความนิยมแห่งใจของข้าพเจ้า เป็นแสงสะท้อนจากการให้ค่าต่อคุณภาพงานเพลงที่มีเกร่ออยู่ในประเทศ ว่าควรแล้วที่จะได้รับการตอบแทนในรูปแบบนั้น และหากท่านสังเกตให้ดีๆ ในห้องของเราก็มีแผ่นลิขสิทธิ์ของเพลงในประเทศอยู่ แม้มันจะไม่ใช่แผ่นงานของท่าน แต่มันก็เป็นงานที่เรายกย่องว่าควรค่าแก่การได้รับการตอบแทนจากเราไป
To be continued...
15 ตุลาคม 49
ถึงสามีและลูกชายอันเป็นที่รัก
ได้อ่านชมในสิ่งที่สองพ่อลูกคุยกันผ่านจดหมายที่พิมพ์ทิ้งไว้ในคอมพิวเตอร์แล้วก็ให้รู้สึกเอ็นดูในความพยายามใช้คำพูดจาของชายสองคนอันเป็นสุดที่รักที่ยังเหลืออยู่ของแม่ และตัวแม่เองก็อยากแสดงทรรศนะแบบแม่ๆของตนออกมาบ้าง
บางส่วนคงต้องเรียกว่าเป็นคำสารภาพก็คงได้...
ในฐานะที่ตัวเองเป็นคนผลิตแผ่นเอ็มพีสามหรือซีดีเถื่อนตามนิยามความหมายของพ่อขาย แม่อยากจะบอกเธอทั้งสองคนว่า สิ่งที่พวกเธอควรตั้งคำถามใส่กันในเวลานี้นั้นไม่น่าจะใช่ในเรื่องคุณภาพของชิ้นงาน แต่พวกเธอควรจะถามว่า เหตุใดสิ่งผิดกฎหมายอย่างเอ็มพีสามจึงสามารถปรากฏเกร่อ และอยู่ยั้งยืนยงเคียงคู่ธงแห่งสารขันธ์ราชอาณาจักรของเราได้อย่างยิ่งใหญ่และหยามเย้ยถึงเพียงนี้
คำตอบคือเพราะมันเป็นสินค้าที่จับใจคน...
แต่หากจะพูดกันจริงๆแล้วคงไม่ใช่เพียงใจ หากแต่เป็นสันดาน เอ็มพีสามเป็นสินค้าที่จับตรงลงไปถึงแก่นในแห่งสันดานของคนในสารขันธ์ราชอาณาจักรนี้ สันดานเอื่อยเฉื่อยรักสบายที่ทำให้คนในสารขันธ์ราชอาณาจักรมุ่งหวังจะได้สิ่งดีในปริมาณมากจากการลงทุนน้อยนิด หรือหากไม่ต้องลงทุนเลยได้ก็จะยิ่งเป็นการดี
แม่อยากจะบอกพวกเธอว่า หากลองเปรียบเทียบเป็นสัดส่วนดูแล้ว แม่ว่าสัดส่วนของเพลงดีที่ได้รับต่อจำนวนเพลงทั้งหมดในหนึ่งแผ่นที่ได้จากการซื้อแผ่นเอ็มพีสามหรือจากแผ่นลิขสิทธิ์นั้นคงไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก หากแต่การที่เอ็มพีสามเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากกว่านั้นก็เป็นเพราะว่า ผู้ซื้อรู้สึกว่าการลงทุนในเอ็มพีสามนั้นทำให้ตัวเองได้รับเพลงรวมเป็นจำนวนที่มากกว่า โดยมีต้นทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อสินค้าลิขสิทธิ์
แต่ก็ต้องมองด้วยว่า ส่วนหนึ่งนั้นคงเป็นเพราะตัวผู้บริโภคนั้นต้องอยู่ในสภาวะจำทนกับการที่ต้องเสพย์เพลงดีเพียงไม่กี่เพลงแต่ต้องจ่ายเงินในราคาอัลบั้มมาเป็นเวลานาน ดังนั้น เมื่อมีทางหลุดพ้นจากสภาวะน่าอึดอัดดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนใหญ่จะหันเหไปหาทางออกนั้น
กับเหตุผลเรื่องคุณภาพเพลงที่ลูกหยิบยกมาอ้างนั้น แม่ว่าอย่าได้ไปพูดถึงให้ตัวเองดูดีเลยจะดีกว่า หนึ่งนั้นก็เพราะด้วยเหตุผลในเรื่องสัดส่วนเพลงดีที่ได้รับดังที่แม่บอกไปแล้ว และสองก็คือเพราะถึงแม้จะมีคนที่คิดเหมือนลูกอยู่จริง แต่มันก็คงเป็นจำนวนที่น้อยนิดเสียจนไม่น่าจะนำมาอ้างเป็นเหตุผลได้
ส่วนเรื่องทรัพย์สินทางปัญญานั้น แม่อยากให้พ่อยืดอกยอมรับอย่างผ่าเผย ว่าแท้จริงแล้วตัวเองกำลังต่อสู้เพื่อผลกำไรของบริษัทอยู่ อย่าได้ไปสรรค์เหตุอ้างผลอื่นอันใดมาพูดให้แม่ต้องรู้สึกสมเพชในตัวผู้ชายที่เลือกแม่ และแม่เลือกเลย
เพราะแม่อยากเห็นความจริงใจ...เหมือนตอนที่พ่อบอกความในใจกับแม่
เหมือนแม่กำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่ง คงเป็นความจริงที่ว่าแม้เราจะอยู่ในโลกสีเทาแต่เมื่อถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกว่าเราจะเข้าข้างขาวหรือข้างดำ แม่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะส่วนหนึ่งนั้นตัวเองก็เห็นใจกับการที่ผู้ซื้อต้องแบกรับความเสี่ยงจากการซื้อสินค้าลิขสิทธิ์อย่างที่ลูกกล่าวอ้าง เพราะแม่เองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยต้องเจ็บช้ำกับความไว้ใจที่มีให้สินค้าลิขสิทธิ์มาแล้วเหมือนกัน
แต่ในขณะเดียวกัน แม่เองก็ต้องช้ำใจเพราะค่ายเพลงค่ายหนึ่งที่แม่รักและคอยติดตามผลงานมาตลอดสิบปีก็กลับต้องปิดตัวลงไปในสมัยที่เศรษฐกิจเอ็มพีสามกำลังเฟื่องฟูเช่นกัน
และแม่ยิ่งลำบากใจ ที่เมื่อมองไปทางไหนก็ไม่อาจพบเห็นหนทางใดที่จะทำให้ซีดีเถื่อนกับสินค้าลิขสิทธิ์สามารถดำรงตนอยู่รวมกันได้อย่างสันติ
และแม่ยิ่งปฏิเสธไม่ได้ ว่าเมื่อมองลึกลงไปในจิตใจแล้ว แม่กลับเห็นว่าเอ็มพีสามที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือซีดีเถื่อนนั้นกลับมีคุณูปการอยู่หลายข้อ จนยากยิ่งที่เพียงข้ออ้างเรื่องความถูกต้องตามกฎหมายและผลประโยชน์ของค่ายเพลงจะสามารถกลบบังข้อดีเหล่านั้นได้มิด
แต่หากไม่มีผลประโยชน์ที่ว่านั่น แม่ก็เกรงว่าวันหนึ่งราชอาณาจักรของเราอาจจะต้องกลายเป็นดินแดนที่ไร้แล้วซึ่งดนตรีฟังไปโดยปริยาย
ดังนั้น แม่คงไม่พูดถึงการแก้ปัญหา แต่คงพยายามพูดถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้รอบด้านที่สุด แล้วให้ลูกกับพ่อไปคิดชั่งน้ำหนักกันเอาเอง
อันว่าด้วยคุณูปการแห่งเอ็มพีสามนั้น คร่าวๆก็อย่างที่ลูกกล่าวไปแล้ว มันนำพาผู้คนให้ได้หลุดพ้นจากทุกขสภาวะอันเกิดจากความสุ่มเสี่ยงเรื่องคุณภาพเพลงของสินค้าลิขสิทธิ์ อีกทั้งยังช่วยขยายช่องทางในการเข้าถึงผลงานของศิลปินให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย ซึ่งก็ถือว่ามีสิทธิ์จะเสพย์ซึ้งซึ่งศาสตร์ศิลป์แห่งสุนทรียรสของดนตรีเช่นกัน
และยังได้ช่วยประจานค่ายเพลงใหญ่ด้วย ว่าไม่ได้เห็นความสำคัญในผลประโยชน์ของคนฟังมากไปกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง มิหนำซ้ำยังคิดว่าผลงานที่ตนผลิตนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลเลิศที่เหมาะสมกับคำว่าทรัพย์สินทางปัญญาเสมอมาอีกด้วย
นอกจากนี้ แม่คิดว่าเอ็มพีสามยังช่วยกระจายรายได้สู่คนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ขาดซึ่งทรัพยากรบางอย่างที่ควรจะได้รับตามสิทธิสภาพแห่งความเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังอาจเป็นรายได้เสริมให้กับนักศึกษาที่คิดหางานทำไปพร้อมกับเรียน แม้ข้อหลังนี้แม่จะไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะรู้สึกว่านักศึกษาหรือเยาวชนควรจะหางานที่ทำยากทำลำบากกว่านี้ เพื่อจะได้เข้าใจในความลำบากของชีวิตและการหาเงินใช้ได้อย่างถ่องแท้มากขึ้น
พ่ออาจจะคันปากอยากค้านแย้งแหย่แยงในความคิดเรื่องการกระจายรายได้ที่แม่ว่า ซึ่งพ่อก็คงพูดถึงว่าจะให้ทำใจยอมรับการกระจายรายได้แบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อเป็นรายได้จากสินค้าผิดกฎหมาย กับทั้งยังเป็นรายได้ที่ไม่ต้องเสียทั้งภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่แม่ก็อยากจะบอกกับพ่อว่า จะอ้างเหตุผลแบบนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อเราเองก็ไม่เคยไว้ใจได้ว่า เงินภาษีเหล่านั้นได้คืนกลับมาหาเราอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มิหนำซ้ำบางครั้งยังกลับกลายเป็นว่าเราได้จ่ายภาษีไปจ้างโจรการเมืองมาปล้นสิทธิอันพึงมีพึงได้ของเราไปจากตัวเอง สู้เราหาและใช้เงินที่ถูกคาดหวังว่าควรจะเป็นภาษีนั้นไปในทางที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเราอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ดีกว่าหรือ
แม้จะไม่เห็นด้วยในเรื่องการใช้กฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรง เพราะแม่เชื่อเหมือนลูกว่ามันจะไม่ได้แก้ปัญหาอะไร หากแต่กลับยิ่งไปเพิ่มปัญหาในส่วนอื่น แต่แม่ก็เชื่อว่าหากบทลงโทษที่รุนแรงนั้นมาพร้อมกับการกวดขันอย่างจริงจังและซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่ บางทีมันอาจจะเป็นทางออกที่ดีก็เป็นได้ ดังจะเห็นได้จากในช่วงแรกของการรณรงค์อย่างหนัก เพื่อนแม่หลายๆร้านถึงกับต้องปิดตัวไป แต่แม่อยู่รอดมาได้เพราะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขาย โดยอาศัยความไว้ใจจากลูกค้าขาประจำ ว่าให้ทำการชำระเงินก่อนแล้วจะส่งสินค้าไปให้ภายในสามวัน ซึ่งแม่เองให้ความซื่อสัตย์กับการกระทำตรงนั้น ลูกค้าเองจึงศรัทธาในตัวแม่และบอกต่อ จึงทำให้ธุรกิจของแม่ยังเดินทางต่อมาได้
บางทีแม่อาจจะกำลังสบประมาทผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่แม่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้แต่ในครั้งที่ตนยังไม่ได้ทำงานผิดกฎหมายแบบนี้ แม่ก็ยังรู้สึกระแวงที่จะต้องพบเจอกับตำรวจมากไปเสียกว่าคนใครใดใดก็ตามที่มีท่าทางไม่น่าไว้วางใจ มันส่อแสดงถึงความไม่มั่นใจและไม่ไว้วางใจในตัวเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ว่าเขากำลังทำในสิ่งที่ถูกควรตามกรอบแห่งหน้าที่ของตนหรือเปล่า
แต่แม่เชื่อว่า ถ้าตำรวจมีรายได้ตามกฎหมายที่มากพอแล้ว พวกเขาอาจไม่ต้องมาหารายได้จากลู่ทางอื่นที่ขัดต่อจรรยาบรรณในวิชาชีพของตัวเองก็เป็นได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดกันต่อไป ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ แล้วถ้าเป็นความจริงได้ตามนั้น รัฐจะไปหาเงินที่ไหนมาอุดหนุนเพิ่มเติมรายจ่ายในส่วนนี้ เพราะตำรวจทั่วประเทศมีมากมาย การเพิ่มรายได้ให้กับทุกคนนั้นคงเป็นเงินรัฐที่มีจำนวนมหาศาลอยู่
หรือไม่พ่อก็ใช้ประโยชน์จากความต้องการหารายได้นั้น พ่อคงต้องสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่ด้วยการตั้งรางวัลนำจับแหล่งขายซีดีเถื่อน ซึ่งพ่อก็ต้องให้เยอะในระดับที่ทางผู้ขายรู้สึกว่าไม่คุ้มหากตัวเองจะคิดติดสินบนคืนเพื่อเอาตัวรอด และต้องเยอะจนเกิดเป็นแรงกวดขันในระดับที่ทำให้คนขายไม่รู้สึกคุ้มที่จะขายต่อไป แต่ในส่วนนี้ ถ้าพ่อติดต่อขอความร่วมมือจากค่ายเพลงทุกค่ายแล้วก็คงทำได้ไม่ยากนัก
แต่ตัวพ่อและเพื่อนร่วมวงการเองก็ต้องให้ความเคารพในรสนิยมของคนฟังด้วย พ่อจะทำงานกันอย่างที่ผ่านๆมาไม่ได้ แม่เชื่อในความคิดที่ว่าในจำนวนเพลงที่ผลิตออกมาในหนึ่งชุดอัลบั้มนั้น จะให้เพราะหมดทุกเพลงก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่เราน่าจะสามารถกลบฝังความบกพร่องนั้นได้ด้วยระยะเวลาการผลิตที่ยาวนานขึ้นมิใช่หรือ เพราะหากซีดีเถื่อนหมดไปแต่คุณภาพการผลิตเพลงยังเป็นดังเช่นที่เคยเป็นและเป็นอยู่ แม่ว่าในวันหนึ่งที่ไม่ไกลเกินจินตนาการ เอ็มพีสามก็คงจะกลับมาผงาดในตลาดอีกครั้ง
ลำพังตัวเองคิดคนเดียวแม่ก็คงจะพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ แม่อยากให้เย็นนี้เรามานั่งกินข้าวด้วยกันสักครั้ง เผื่อว่าจะได้ช่วยหาทางออกกันอย่างจริงจัง และได้แลกเปลี่ยนความเป็นไปในชีวิตของแต่ละคน ที่แม้อยู่บ้านเดียวกันแต่กลับเหมือนอยู่ไกลกันคนละซีกโลก
รักและห่วงใยผู้ชายทั้งสองคนนี้เสมอ
แม่
To be continued...
16 ตุลาคม 49
..................................
แม่ส่งอีเมล์ฉบับนี้และเนื้อความในแบบเดียวกันเป็นเอสเอ็มเอสไปบอกพ่อกับลูกว่า ถ้าวันนี้พวกมึงยังปฏิเสธคำเชิญมาแดกข้าวเย็นร่วมกันของกูอีก ก็ให้หันไปมองเงาหัวที่เริ่มซีดจางลงเรื่อยๆของตัวเองแล้วคิดให้ดีก่อนที่มันจะหายไปตลอดกาล
กูเริ่มจะเกลียดพวกมึงขึ้นมาตะหงิดๆแล้ว
แม่มึง
To be continued...
♪...จะพูดอีก...จะพูดอีก...จะบอกว่าน้านา... ♪
“ฮัลโหล”
“พ่อได้เมสเสจแม่รึเปล่า?”
“ได้”
“แล้วจะเอาไง?”
“กูอยู่บ้านแล้ว มึงล่ะอยู่ไหน?”
“...................................”
(No need) to be continued…