Tuesday, January 23, 2007

 

หมีมองคน: สะเก็ดจากระเบิดความสัมพันธ์

ปล. (ปฐมลิขิต): คำว่า “สื่อ” ทุกคำที่ใช้ในบทความนี้ มีความหมายถึงแต่เฉพาะ “สื่อบันเทิง” หรือ “สื่อที่ทำงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับดารา” ไม่เกี่ยวข้องกับ “สื่อธุรกิจ” “สื่อการเมือง” หรือ “สื่อที่ถูกควบคุม” อื่นใด

อันที่จริงแล้ว...มีอีกหลายเรื่องที่อยากเขียน

แต่พอดีว่าเมื่อคืน (17 ม.ค. 2550) ได้ดูรายการ “ราตรีสโมสร” ทางช่อง 3 จับฉ่ายวาไรตี้ที่ช่วงหนึ่งของรายการได้มีการเชิญคุณ “ษา - วรรณษา ทองวิเศษ” และคุณ “เป้ - สุรัช ทับวัง” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “เป้ ไฮร็อค” มาร่วมรายการ โดยทางรายการได้เชิญคุณวรรณษาออกมาพูด เปิดเผยถึงสาเหตุของเหตุการณ์ “เตียงหัก” โดยไม่บอกว่าได้เชิญคุณเป้มาด้วย ซึ่งคุณเป้นั้นจะอยู่ที่หลังเวที นั่งฟังทุกสิ่งที่คุณษาพูด แล้วจึงออกมาตามคิวที่ทางรายการกำหนด

ผมรู้สึกกระอักกระอ่วน และมากมายจนถึงขั้น “ไม่พอใจ” รูปแบบการ “ขาย” ดังกล่าว จึงต้องขอลัดคิวนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็น

ในยุคสมัยที่ “ชีวิตส่วนตัว” ของดารากลายเป็นสินค้า ที่ถูกผลิตออกมาซื้อขายกันอย่างเป็นรูปธรรมนี้ ผมได้ตั้งคำถามกับตัวเองมานานว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่แท้จริงแล้ว เรานั้นก็ยังไม่อาจแยกออกได้สมบูรณ์ ระหว่าง “บทบาทในฐานะนักแสดง” กับ “บทบาทในชีวิตจริง” เพราะแม้บทบาทในชีวิตจริง สังคมก็ยังปฏิบัติกับนักแสดง ด้วยมาตรฐานที่ว่า พวกเขาเป็น “บุคคลสาธารณะ” ไม่ใช่ “บุคคลทั่วไป” ของสังคม ที่มีสิทธิ์จะมีชีวิตหลังกล้อง หลังจากจบบทบาทหน้าเลนส์ในฐานะนักแสดง ด้วยการมีชีวิต “ส่วนตัว” ที่เป็นไปในทางปกปิด เฉกเช่นที่มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องการจะปกปิด ไม่เปิดเผยซึ่งสิ่งอันเป็น “ส่วนตัว” ของตัวเอง

กรณีของคุณษาและคุณเป้ เมื่อมองในฐานะว่าพวกเขาล้วนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มีเลือด มีเนื้อ มีลมหายใจ มีเสียงหัวเราะ มีรอยน้ำตาเหมือนเรา ผมคิดว่าเขาและเธอมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ ที่จะปกปิดชีวิตส่วนตัวของตัวเองไว้ ให้เป็นเรื่องลับๆของคนสองคน ที่เชื่อมโยงกันด้วยรอยร้าวทุกข์ระทมของความสัมพันธ์ และตัวน้อง “เซย์เดย์” ผู้เป็นลูก

ในส่วนของคุณษา ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า เธอไม่รู้ว่าทางรายการจะทำ “Melancholic Surprise” เซอร์ไพร์สุดระทมใส่เธอ ด้วยการเชิญคุณเป้มาร่วมรายการ ผมเชื่อว่า เธอมาภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ได้ตั้งใจ หรือทำใจยอมรับแล้วว่า ตนเป็น “บุคคลสาธารณะ” ซึ่งเมื่อผนวกรวมปัญหาชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นเข้ากับสถานะดังกล่าว ที่ตกเป็น “ความกังขาสาธารณะ” ถึงสาเหตุแห่งความแตกร้าวที่แท้จริง จึงเป็นไปได้ว่า เธอย่อมต้องอยากออกมาแสดง ในสิ่งที่เรียกกันว่า “การเคลียร์” คือคลายความสงสัยให้กับ “ความกังขาสาธารณะ” ดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากว่า ในฐานะที่คุณษาเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ชีวิตของเธอย่อมต้องโยงใยเข้ากับอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งใกล้ตัวที่สุดก็คงจะเป็นคุณแม่ ซึ่งไม่น่าจะต้องมาได้รับผลกระทบจากการคาดเดาสาเหตุไปเองของสื่อ เพราะได้ตกเป็นจำเลยเหมือนกัน และเป็นจำเลยมาตลอดว่าขัดขวางความรักของคนทั้งสอง หรือในอนาคตก็คือน้องเซย์เดย์ที่จะเติบโตขึ้นมา เธอเองจึงออกมาเคลียร์ (ตามคำเชิญมาเคลียร์ของรายการ) เพื่อทำทุกอย่างให้กระจ่าง

ในส่วนของคุณเป้ เมื่อดูภาพรวมทั้งหมดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรายการแล้ว ผมเข้าใจว่าด้วยความ “สิ้นหวัง” จนถึงจุดที่ “ไม่มีอะไรจะเสีย” เขามาด้วย “ความหวัง” ว่าจะสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ไม่น่าจะถึงขั้นคิดว่า การขอคืนดี “ในที่สาธารณะ” อย่างเป็น “สาธารณะ” นั้นจะช่วยให้ความหวังของตัวเองเป็นจริงขึ้นมาได้สักกระผีก หรือถึงคุณเป้จะคิดอย่างนั้นจริง ผมก็ไม่เห็นว่าเป็นการเล่นเล่ห์อะไร เพราะเมื่อดูจากน้ำตา เสียงพูดเคล้าสะอื้น ที่คุณเป้แสดงออกมาในรายการ สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อก็คือ ความรู้สึก “สูญเสีย” ที่อยู่ในกิริยาเหล่านั้นล้วนเป็น “ของจริง” โดยไม่ต้องไปคิดคำนึงว่าจริงๆแล้วคุณเป้เป็นคนอย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ ผมเชื่อว่า “การสูญเสียซึ่งสิ่งที่ตนรักและหวงแหน” เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่ามันจะถูกระบุสถานะว่า “ประเสริฐ” หรือ “เดียรัจฉาน” และในฐานะมนุษย์ การทำทุกอย่างเพื่อ “รักษาและทวงคืนมาซึ่งสิ่งที่ตนรักและหวงแหน” นั้นเป็นสิ่งที่หาดูได้ทั่วไป และไม่ใช่แม้แต่กับความรักหรือคนรัก เพราะกับสิ่งของหรือความเชื่อ เราเองก็สามารถพบเห็นได้ไม่ต่างกัน ซึ่งรูปแบบการกระทำที่แสดงออกมานั้น ย่อมเป็นภาพฉายออกมาจากทะเลความรู้สึกในจิตใจ ว่ามันคลุ้มคลั่งกับการสูญเสียมากน้อยเพียงใด

ในความรู้สึกของตัวเอง จุดระเบิดที่รุนแรงที่สุดในรายการ ไม่ใช่ Melancholic Surprise ในรูปการปรากฏตัวของคุณเป้ที่ทางรายการจัดคิวไว้ (อาจจะใช่สำหรับคุณษา แต่ไม่น่าจะใช่สำหรับผู้ที่ได้ดูโฆษณาของรายการมาก่อน) เพราะการปรากฏตัวของคุณเป้นั้น ได้รับการตีประโคมผ่านสื่อโฆษณาของทางสถานีมาหลายวัน และเป็นอัตราที่ถี่ จนไม่อาจสร้างความรู้สึกตื่นเต้นใดใด เมื่อได้พบเห็นในตอนออกอากาศจริงได้อีก อีกทั้งเมื่อมองลึกลงไปแล้ว ยังทำให้เห็นว่า นอกจากการสร้างกระแสแบบภาพต่อตาแล้ว ทางรายการอาจจะยังต้องการสร้างกระแสแบบปากต่อปาก เพื่อดึงจำนวนคนดูในช่วงเวลาดังกล่าว ให้มาจรดตาอยู่ที่รายการของตัวเอง ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่า ถ้าไม่ปากกัดตีนถีบขนาดนั้น คงยากจะดึงสายตาและความสนใจของคนดูมาจากอีกช่อง ซึ่งเป็นช่วงเวลาขบขันแห่งการอาละวาดของ “แกงค์สามช่า” ซึ่งครองใจคนดูมานานหลายปี จนย้ายสถานีแล้วก็ยังตามไปดูกัน

แต่ก็เป็นที่น่าสนใจว่า ด้วยความพยายามอย่างจงใจ ที่จะ “ฆ่าความสนุก (ของแกงค์สามช่า) ด้วยการขายความระทม (ของคุณษาและคุณเป้)” ซึ่งก็น่าจะเป็นความสนุกสนานอีกแบบ แม้จะเป็นความสนุกที่ไม่ได้ทำให้ใคร นอกจากคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับค่าโฆษณามีความสุขนั้น ทางรายการกำลังมุ่งหวังในสิ่งใดกันแน่ ระหว่าง “ตีแผ่การเคลียร์” ของคุณษา กับ “ค่าโฆษณา” จากการนำคนสองคนมา “ฆ่า” ด้วยการตอกย้ำความรู้สึกเจ็บปวดของพวกเขา

คำถามหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ทั้งที่ดารานั้น หากจัดในแง่ของความใกล้ชิดทางความสัมพันธ์ พวกเขาน่าจะเป็นเพียง “ใครก็ไม่รู้” สำหรับเราด้วยซ้ำ แล้วเหตุใด เรื่องราวของพวกเขาจึงเป็นที่อยากรู้ของเรานักหนา ผมคาดเดาว่าน่าจะเป็นเพราะ แม้จะไม่ได้รู้จักมักจี่กันเป็นการส่วนตัว แต่การที่เราเห็นหน้า ได้ยินชื่อ ได้ยินเรื่องราวของพวกเขาผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์อยู่แทบจะทุกวัน เทียบกันแล้ว ความรู้สึกคุ้นเคยที่มีให้ บางทีอาจจะมากกว่าเพื่อนบ้านรั้วติดกัน ที่เห็นหน้ากันทุกวันแต่ไม่เคยทักทายกันด้วยซ้ำไป แต่ถ้าวันหนึ่ง เพื่อนบ้านที่ไม่รู้จักนั้นเกิดตายไป และเราได้รับรู้ เราก็ยังอาจสนใจใคร่รู้ไปได้ ว่าเขาเป็นอย่างไร มาอย่างไร และตายอย่างไร จึงไม่น่าจะแปลกใจ หากเรื่องราวใดใดของดาราจะเป็นที่สนใจของเรา

หรือบางทีก็อาจเป็นไปด้วยเหตุผลอื่นๆ ตามแต่ว่าใครจะคิดว่าอย่างไร อย่างเช่นผม นอกจากได้ตอบสนองความสอดรู้สอดเห็นของตัวเองแล้ว ผมก็ยังได้รับความสนุก จากการได้เห็นดาราแสดงทัศนะที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ หรือกระทำการต่างๆ เพราะมันทำให้ได้เห็นรูปแบบพฤติกรรม คำพูด อารมณ์ ความรู้สึก หรือแม้กระทั่งนั่งวิเคราะห์รูปแบบน้ำเสียง อันชวนให้คาดเดาไปต่างๆนานา ว่าตัวผู้ทำกระทำลงไปด้วยความคิด และพื้นเพทางจิตใจอย่างไร ผิดถูกไม่รู้ ดูแค่ขำๆ

แต่เมื่อคืนไม่ค่อยขำ...

เมื่อคืนนี้ ผมว่าสลักระเบิดถูกดึงออก ด้วยคำถามของพิธีกรหญิง ว่ามีโอกาสที่คุณษาจะกลับไปคืนดีกับคุณเป้หรือไม่ การหยุดคิดของคุณษาน่าจะเป็นช่วงเวลาที่กระเดื่องหลุดออก และปล่อยให้ชนวนทำหน้าที่พาไฟสู่ดินระเบิด ก่อนจะระเบิดออกมาเป็นคำตอบ อันมีทำนองใจความไปในทางที่ว่า “สิ่งที่เธอทำลงไป เกิดจากการตัดสินใจด้วยความคิดที่ถ้วนถี่ดีแล้ว”

ตูม...

ผมเห็นสะเก็ดระเบิดปลิวว่อนไปหมด ถ้านั่นเป็นระเบิดจริง คุณษาตาย กาละแมร์ตาย ตุ๊กญาณีตาย เพราะอยู่ใกล้รัศมีที่สุด ส่วนพวกที่อยู่ไกลออกมา อย่างคุณหนุ่มกรรชัย คุณเป้ ทีมงาน วงดนตรีของรายการ และผู้ชมในห้องส่ง อาจจะบาดเจ็บเล็กน้อยถึงสาหัส แล้วแต่ความแรงของระเบิด และความใกล้ไกลจากจุดระเบิด

ที่น่าสนใจก็คือ สะเก็ดความรู้สึก ที่ระเบิดออกมาจากความสัมพันธ์นั้น รัศมีการทำลายของมันไม่อาจวัดได้จากความใกล้ไกลทางพื้นที่ภูมิศาสตร์ แต่วัดได้จากพื้นที่ภูมิศาสตร์ความสัมพันธ์ ของผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับระเบิดความสัมพันธ์นั่น ในวินาทีนั้น ไม่ว่าภาพในโทรทัศน์จะเป็นอย่างไร แต่ที่ผมเห็นก็คือ ภาพความรู้สึกของคุณษาและคุณเป้ ที่ถูกปกคลุม จิกฝัง กรีดกระชากด้วยสะเก็ดระเบิดมากมายดังกล่าว จนแม้ตัวตนทางกายวิภาคของทั้งสองจะยังคงตั้งตรงอยู่ แต่ตัวตนทางความรู้สึกนั้นคงปลิวลอย ร่วงหล่น และบิดงอไปมาด้วยความเจ็บปวด

แต่แม้จะเป็นระเบิดจินตภาพอย่างความรู้สึก ก็ใช่ว่าผู้ที่อยู่ในขอบข่ายของการรับรู้ถึงการระเบิดนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบใดใดไปด้วยเลย

ผมเข้าใจว่า ความหวาดกลัว ความเจ็บปวด อันเกิดขึ้นแต่การสูญเสียสิ่งรักและหวงแหน น่าจะเป็นกลไกหนึ่งในสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ คือเมื่อได้ประสพแล้ว ร่างกาย หรือความรู้สึกจะบ่งบอกเราว่า มันเจ็บ มันปวด มันน่ากลัว เพื่อเตือนให้รู้ว่าเป็นสิ่งที่เราพึงหลีกเลี่ยง ดังนั้น ทันทีที่ระเบิดดังกล่าวสำแดงพลานุภาพ ผมเชื่อว่าตัวคุณกาละแมร์ คุณตุ๊กญาณี คุณกรรชัย (คุณกรรชัยนี่ก็เพิ่งโดนระเบิดมา ไม่รู้ว่าไปดึงอะไรสาวโคโยตี้ ซึ่งเข้าใจว่าคงดึงผิด เลยดึงไปโดนเอาสลักระเบิดความสัมพันธ์กับคุณเมย์แทน ตูม) ใครก็ตามที่อยู่ในห้องส่ง และที่ได้รับชมภาพเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านทางจอโทรทัศน์ ย่อมได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดไปด้วย โดยเฉพาะฝ่ายคุณกาละแมร์ ซึ่งเท่าที่ผมดูมานั้น แลดูจะมีความหวาดกลัวในขั้นสูงต่อการสูญเสีย อันเกิดขึ้นจากการระเบิดออกของความสัมพันธ์ ดังนั้น เธอเองน่าจะรู้สึกเจ็บปวดเป็นพิเศษ แม้จะไม่ใช่คู่ความสัมพันธ์ผู้เป็นเจ้าของระเบิดก็ตาม

ในขณะเดียวกัน หากมีผู้ใดที่ได้รับชมภาพการระเบิดดังกล่าว และใครคนนั้นเป็นผู้ครอบครองหัวใจที่เต็มไปด้วยริ้วรอย วิ่นแหว่งด้วยเคยถูกกรีดกระชาก ด้วยสะเก็ดของระเบิดความสัมพันธ์ในลักษณะเดียวกับคุณษาและคุณเป้มาก่อน โดยที่ตัวเองตกอยู่ในฐานะเจ้าของระเบิด เช่นนั้นแล้ว ตะกอนอดีต หรือภาพอดีตที่ยังไม่ตกตะกอนดีของพวกเขาเหล่านั้น คงมีอันลอยฟุ้งด้วยแรงระเบิดในจอ และตัวตนของพวกเขาก็คงปลิวลอย ร่วงหล่น บิดงอด้วยความเจ็บปวดไปด้วยเช่นกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่เจ็บปวดที่สุดคงไม่พ้นคุณษากับคุณเป้ เพราะต่างก็เป็นเจ้าของชิ้นส่วนทั้งหมด ที่ประกอบขึ้นเป็นระเบิดลูกดังกล่าวนั่นเอง การระเบิดออกของระเบิด ย่อมหมายถึงภาพความทรงจำ อารมณ์ ความรู้สึก หรือแม้แต่ความหวังที่เกิดขึ้นเมื่อตัดสินใจร่วมชีวิตกัน ได้ถูกฉีกออกจนย่อยยับไปด้วย

ผมอยากจะขอคิดมาก ให้มันเลยเถิดไปอีกสักนิด แต่ก็ไม่น่าจะเกินเลยจากความเป็นไปได้ว่า หากหลังจากการบันทึกเทป คุณเป้ที่โซซัดโซเซกลับบ้าน อาจจะด้วยความรู้สึกหมดหวัง จนถึงขั้นตัดสินใจทำสิ่งที่เรียกว่า “คิดสั้น” “คิดโง่ๆ” หรืออื่นใดก็ตามตามแต่ที่คนที่ไม่เคยเข้าถึง หรือเคยเข้าถึง แต่ก็กลับมาเข้มแข็งจนหลงลืมไปแล้วว่า ในเวลาที่คนเราคิดอยากฆ่าตัวตายนั้น อะไรๆมันก็ดูสมเหตุสมผลไปหมด เพราะอะไรๆมันก็ดูเลวร้ายไปหมด จนชวนให้รู้สึกว่า การกระทำนั้นอาจจะไม่ใช่แค่การฆ่าตัวตายธรรมดา แต่เรียกได้ว่าเป็น “การุณญัตวินิบาตกรรม” คือรู้สึกว่า การฆ่าตัวตาย เป็นการมอบความกรุณาเพียงประการเดียว ที่สามารถมีให้แก่ตัวเอง เพื่อสามารถหลุดพ้นจากความเลวร้ายที่รุมเร้าตัวเองอยู่ได้ ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริง ผมก็สงสัยเป็นหนักหนา ว่าใครจะเสนอหน้าออกมารับผิดชอบ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว การฆ่าตัวตาย แลดูเป็นเรื่องที่ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ นอกจากตัวผู้ฆ่าตัวตายเอง เพราะมักยกยอดไปว่า มันเป็นเรื่องของ “ความอ่อนแอส่วนบุคคล” และยิ่งในกรณีดังกล่าว ผมฟันธงได้เลยว่า มันต้องมีความคิดแบบที่ว่า ถ้าอ่อนแอ จนทนแรงกระทบของการเป็นบุคคลสาธารณะไม่ได้ ก็ตายเสีย

ตามปรกติ ผมจะมีท่าทีต่อความทุกข์ โดยเป็นไปในลักษณะที่ว่า ความเจ็บปวดของใคร ก็ต้องให้ใครดูแลเอาเอง ดังนั้น ก่อนหน้าจะได้รับชมรายการดังกล่าว หากผมจะมีความรู้สึกใดใดต่อความเจ็บปวดของคุณษาและคุณเป้ มันก็ย่อมเป็นไปในลักษณะนั้น แต่เมื่อชมรายการดังกล่าว ผมรู้สึกว่า ในขณะที่ความเจ็บปวดของคนทั้งสอง ยังคงสดใหม่ และไม่ทันถึงวาระได้ตกตะกอน แต่ทางรายการกลับไปกวนมันให้ฟุ้ง หากเปรียบเป็นการตีเหล็ก ตีตอนที่ร้อนคงดี แต่ในกรณีนี้ ปัญหาคือแรงตีที่รุนแรงเกินไป ผลที่ได้คือ เหล็กความรู้สึก ที่ร้อนจนหลอมละลายจากแรงระเบิดของความสัมพันธ์ และยังไม่ทันได้อุ่นเย็นจนคืนรูป จึงมีอันต้องบิดเบี้ยวไปอีก ก่อกลายเป็นความเจ็บปวดที่มากขึ้น ทั้งที่หากทิ้งไว้ตามกาลเวลา บางที เพียงความน่ารักน่าเอ็นดู การเติบโตอย่างแข็งแรงของน้องเซย์เดย์ ก็น่าจะช่วยเป็นกำลังใจให้คุณษากลับมาเข้มแข็งขึ้นได้ ส่วนคุณเป้เอง ก็น่าจะปรับตัวได้ตามกลไกการเรียนรู้ผ่านกาลเวลา เฉกเช่นประสาคนที่น่าจะได้ผ่านชีวิตมาในระดับหนึ่ง แต่การที่ทางรายการเอา Melancholic Surprise มาเป็นจุดขาย เป็นการแทรกแซงกลไกดังกล่าวของคนทั้งสอง จึงเป็นที่สงสัยของผมว่า หลังจากที่ทางรายการ ได้อิ่มหนำกับจุดประสงค์ที่บรรลุ และแยกย้ายกันกลับบ้านไปแล้ว น้ำตาของคุณษาคุณเป้ ความเจ็บปวดของคนทั้งสอง ใครจะเป็นคนดูแล

และนั่นคือสิ่งที่ผมไม่พอใจ ผมไม่พอใจ “Melancholic Surprise Commodification” การเอาเซอร์ไฟรส์สุดระทมมาทำเป็นสินค้า ที่แลดูจะเป็นจุดขายที่น่าสนใจ จนอาจจะเอามาขายกันซ้ำซ้อนอย่างไม่สิ้นสุดนั่นเอง

รอยแผลในหัวใจ...ลบไม่ได้ด้วยฮีรูดอยด์




Comments:
شركه تنسيق حدائق بخميس مشيط
شركة تنسيق حدائق بخميس مشيط تعتبر من الشركات الرائدة في مجال تنسيق الحدائق وزراعة النباتات والأشجار بمختلف أنواعها الطبيعية والصناعية.
كما أننا تعمل على تقديم مختلف الخدمات التي تجعلك تمتلك أجمل الحدائق التي تستطيع قضاء أجمل الأوقات بها، وذلك من خلال أفضل المهندسين المتخصصين في ذلك المجال، فقط تواصلوا معنا نصلكم على الفور.

 
Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?